ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เปลี่ยนบัตรเครดิตเป็นเงินสด


เปลี่ยนบัตรเครดิตเป็นเงินสด 

ช่วงวันหยุดสงกรานต์ปีนี้ หลายท่านต่างหยุดยาวไปเที่ยวกันหมด ร้านค้าบางประเภทก็ต้องหยุดยาวเป็นเกือบอาทิตย์ บางท่านก็ทำรายได้จากวันสงกรานต์กันเป็นกอบเป็นกำ แต่ไม่ว่าจะเป็นประเภทไหนต่างก็มีผู้คนที่ประสบปัญหาร้อนเงิน ต้องใช้เงินด่วนกันมากมายด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกหรือว่าผิดปกติแต่อย่างใด

แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าผู้ถือบัตรเครดิตหลายท่าน ที่ต้องการสภาพคล่องทางการเงินอย่างรวดเร็ว เลือกที่จะใช้วิธีพลิกแพลงเพื่อเปลี่ยนวงเงินบัตรเครดิตให้เป็นเงินสดกันไม่น้อยเลย ถึงแม้ว่าจะเป็นวิธีที่สุ่มเสี่ยงที่จะถูกธนาคารแจ้งเตือน หรือไม่ก็ต้องเสียค่าดอกเบี้ยมากกว่าการกู้เงินแบบอื่นก็ตาม วันนี้เราจะพาคุณไปส่อง 4 วิธีหลักที่คนใช้พลิกแพลงเพื่อเปลี่ยนวงเงินบัตรเครดิตมากที่สุด

 กดเงินสดออกจากบัตร – “มีค่าดอกเบี้ย แต่แบ่งจ่ายได้หลายเดือน”

ติดต่อ Call Center ธนาคารผู้ออกบัตรของคุณ เปลี่ยนวงเงินในบัตรเป้นเงินสดแทน ข้อเสียของวิธีนี้ก็คือจะต้องเสียค่าดอกเบี้ย แต่ข้อดีก็คือจะไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเหมือนกับบัตรกดเงินสด มีผู้ออกบัตรหลายแห่งที่ให้บริการ อาทิเช่น Krungsri First Choice, Citi bank, Tesco, Standard Chartered เป็นต้น

สไตล์การผ่อนชำระมีหลักๆ 2 แบบ ดังนี้:
1. ผ่อนระยะยาว จ่ายเท่ากันทุกเดือน ดอกเบี้ยเฉลี่ยอยู่ที่ 0.55-0.99% ระยะเวลาการผ่อนได้ตั้งแต่ 3-10 เดือน
2. ผ่อนระยะสั้น ดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง 13-20% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนได้ตั้งแต่ 3-36 เดือน

2. รูดซื้อทอง แล้วนำไปขาย – “ค่าดอกเบี้ยถูกกว่า แต่ต้องจ่ายเต็มไม่สามารถผ่อน 0%”

การใช้บัตรเครดิตรูดซื้อทองส่วนใหญ่แล้วผู้ออกบัตรเครดิตจะไม่รองรับผ่อน 0% เพราะฉะนั้นหากคุณเลือกที่จะนำเงินสดออกมาจากวิธีนี้หล่ะก็ คุณจะต้องจ่ายบิลเต็มในทันที่ แต่ก็มีข้อยกเว้นสำหรับบัตรเครดิตธนาคารกรุงศรี และธนาคารอิออนบางประเภทที่มีโปรโมชั่นผ่อนทองได้เช่นกัน อาจจะมีการชาร์จค่าธรรมเนียมเพิ่มแล้วแต่บัตรฯส่วนการเลือกซื้อทองนั้น

ซื้อทองแท่งหรือทองรูปพรรณดีกว่ากัน? ปกติเวลาเราซื้อทองราคาจะรวมค่ากำเหน็จหรือที่พูดกันง่ายๆก็คือค่าแรงงานหล่อทองนั่นเอง ซึ่งทองรูปพรรณจะมีค่ากำเหน็จที่แพงกว่าทองคำแท่ง ต้องออกแบบ แกะสลักลวดลาย ออกมาให้สวยงามจนกลายเป็นเครื่องประดับดูดี ทีนี้เมื่อเราเอาทองไปขายร้านค้าจะตีราคาจะตัวทองไม่รวมค่ากำเหน็จ เพราะฉะนั้นถ้าเราซื้อทองคำแท่งที่มีค่ากำเหน็จต่ำกว่าเราก็จะขายได้ราคามากกว่า เราแนะนำให้ซื้อและขายคนละร้าน เพราะว่าถ้าขายร้านเดียวกันมีแนวโน้มที่จะโดนกดราคาเยอะอยู่เช่นกัน

3. รูดบัตรเครดิตให้เพื่อน ซื้อของผ่อน 0% แล้วเก็บเงินทันที / รูดผ่อนของเอามาขาย – ว่าแต่ใครหล่ะ?

หากมีเพื่อนที่ไว้ใจได้อยากจะซื้อของใหญที่บัตรของคุณสามารถผ่อน 0% ได้อยู่พอดี คุณอาจจะเสนอตัวรูดบัตรเครดิตให้และเก็บเงินเต็มจำนวนทันที ทีนี้คุณก็จะได้เงินสดมาเต็มจำนวน และผ่อนคืนบัตรเครดิตได้โดยไม่เสียดอก ส่วนเพื่อนก็จะซื้อสินค้าอยู่แล้ว วิน-วิน ทั้งสองฝ่าย แต่ทั้งนี้ก็มีข้อควรระวังเมื่อให้เพื่อนยืมบัตรเครดิต เราควรไปรูดสินค้าพร้อมกันไม่ควรให้บัตรเพื่อนไปเลย

ซึ่งหลักการนี้สามารถนำมาใช้รูดผ่อนของ เอามาขายได้ด้วยอีกเช่นกัน แต่วิธีนี้ก็จะมีความเสี่ยงมากกว่า เพราะเราไม่อาจแน่ใจได้ว่าสินค้าที่ซื้อมาจะขายออกเมื่อไหร่ แล้วจะขายได้คุ้มราคาหรือไม่ ส่วนใหญ่สินค้ายอดนิยมที่เขามักรูดมาผ่อนขายกันก็คือ โทรศัพท์มือถือนี่แหละ จริงๆก็มีสินค้าที่สามารถรูดมาขายได้ไวไม่มากนักทั้งนี้ก็ต้องลองดู


4.ร้านค้ารับผ่อนของ ขอรูดบัตรเครดิต แล้วนำเงินสดออกมา – “เสียค่าธรรมเนียมนิดหน่อย เข้าข่ายฟอกเงินกลายๆ”

เชื่อหรือไม่ว่ามีร้านค้าขายของชำบางแห่ง เปิดบริการรับรูดบัตรเครดิตอย่างจริงจัง อาจจะมีเก็บค่าธรรมเนียม 500 บาทหรือแล้วแต่เรทราคา หลักการง่ายๆ ก็คือรูดเงินบนเครื่องบัตรเครดิตจากร้านค้าและร้านค้าก็เอาเงินจากบัตรเครดิตออกมาให้เราพร้อมเก็บค่าธรรมเนี่ยมเท่าไหร่ก็ว่าไป แต่คาดว่าปัจจุบันอาจจะมีร้านค้าไม่มากนักที่มีบริการแบบนี้ เพราะว่าทางร้านเองก็จะต้องแบกรับกับความสุ่มเสี่ยงที่จะโดนกรมสรรพสามิตตรวจสอบว่าจำนวนเงินที่ได้มาจากไหน? ร้านอาจจะต้องเสียภาษีเพิ่มถ้าหากถูกตรวจสอบขึ้นมาจริงๆ ถึงแม้ว่าจำนวนเงินที่รูดราวๆ 20,000-100,000 บาท จะมีโอกาสถูกตรวจสอบน้อยมากก็ตาม

ข้อควรระวังที่เกี่ยวกับเราโดยตรงของวิธีนี้ก็คือ หากธนาคารผู้ออกบัตรทราบเรื่องคุณอาจจะขึ้นแบล็คลิสต์ธนาคารแล้วถูกแบนไม่ให้ใช้บริการธนาคารนั้นๆได้อีกเลย ด้วยเหตุนี้เป็นเพราะว่า ธนาคารจะถูกตรวจสอบจากกรมสรรพสามิตและสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน  นอกจากนี้ยังมีร้านค้าที่ชอบแอบอ้าง สามารถพบได้ตามอินเทอร์เน็ตและเบอร์โทรนิรนามบนเสาไฟฟ้าหลอกหล่อให้เราติดกับโทรไปขอใช้บริการและโดนหลอกให้โอนเงินค่าธรรมเนียมกันเป็นแถว และยังไม่ได้อะไรกลับคืนมาอีกต่างหาก

สรุป 

ทั้ง 4 วิธีนี้เป็นวิธียอดฮิตที่ผู้ถือบัตรเครดิตต้องการเงินสดด่วนใช้กันเป็นจำนวนมาก จะถามว่าผิดมากไหมมันก็จะออกเทาๆ เพราะผิดจุดประสงค์ของธนาคารผู้ออกบัตร และหากทางผู้ออกบัตรได้มีการตรวจสอบและทราบว่าเราผิดข้อตกลงเงื่อนไข คุณอาจจะถูกแบนจะสถาบันการเงินนั้นไปเลย วิธีที่ถูกต้องที่สุดคงจะเป็นการกดเงินสดออกมาจากบัตรและเสียดอกเบี้ยตามค่าเฉลี่ยที่ธนาคารผู้ออกบัตรกำหนดนี้แหละ ซึ่งวิธีในข้ออื่นๆ ช่วยลดค่าดอกเบี้ยไปได้มากเลยจึงทำให้ผู้ถือบัตรเครดิตหลายท่านเลือกที่จะพลิกแพลงและทำวิธีนั้นในกรณีที่ร้อนเงินจริงๆ และกู้สินเชื่อไม่ผ่านตัดสินใจกู้เงินด่วน

ปัญหามีไว้แก้ไม่ได้มีไว้กลุ้มอย่างไรก็ต้องหาทางออกเอาไว้หลายๆทาง โปรดอย่าลืมว่าทั้ง 4 วิธีนี้เป็นเพียงตัวอย่างการเปลี่ยนวงเงินบัตรเครดิตมาเป็นเงินสดเท่านั้น จริงๆแล้วทางออกสำหรบผู้ที่ต้องการใช้เงินด่วนและเสียดอกเบี้ยยังมีอีกหายทาง อาทิเช่น ไปโรงรับจำนำ, กู้สินเชื่อผ่านออนไลน์รู้อนุมัติเร็วกว่า เป็นต้น สุดท้ายแล้วคุณจะแก้ไขปัญหาวิกฤตการเงินของคุณอย่างไรทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ที่คุณแล้วหล่ะ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สายไฟในบ้าน

สายไฟฟ้าในบ้าน สายไฟฟ้า(Cable wire) มีความสำคัญอย่างมากในการส่ง หรือจ่ายไฟฟ้าให้กับบ้านเรือน อุปกรณ์ไฟฟ้า หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านพักของคุณ ซึ่งมีความซับซ้อนอยู่พอสมควรหากคุณไม่ใช่ช่างฟ้าที่มีความรู้เรื่องนี้มากพอสมควร ดังนั้นการเลือกซื้อสายไฟฟ้าเพื่อมาติดตั้งในบ้านพักของประชาชนทั่วไปนั้น อาจจะทำให้ได้สายไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่เกินความจำเป็นสำหรับการส่งกระแสไฟฟ้าเพื่ออุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้าน หรือมีขนาดเล็กจนไม่สามารถทนกระแสที่มีมากกว่าความสามารถของสายไฟฟ้านั้นจะรับได้ และอาจจะเกิดความร้อนขึ้นที่สายไฟฟ้าจนทำให้ฉนวนที่หุ้มสายไฟฟ้าทั้ง 2เส้นนั้นละลายออก จากนั้นสายทองแดงหรืออลูมิเนียมจะเกิดการลัดวงจรเมื่อสัมผัสโดนกัน และเกิดประกายไฟที่อาจจะทำเกิดไฟไหม้ได้ สายไฟฟ้ามีหน้าที่สำหรับนำพลังงานไฟฟ้า จากแหล่งจ่ายไฟไปยังบริภัณฑ์หรือ ผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันมีผู้ผลิตสายไฟฟ้าขึ้นมากมายหลายชนิดตามความต้องการในรูปแบบต่างๆ เช่น สายไฟฟ้าเมนTHW สายเดี่ยวTHW สายไฟVCT สายไฟบ้านVAF สายไฟVSF สายไฟNYY สายไฟNYY-Ground สายไฟVAF-Ground สายไฟฟ้าบ้านปกติ สายไฟฟ้าฝังดิน สายไฟฟ้าอ่อนใช้ฝังดิน โดยผู้ใช้จะต้องพิ

CONSUMER UNIT  (ตู้คอนซูมเมอร์ยูนิต)

CONSUMER UNIT (ตู้คอนซูมเมอร์ยูนิต) "แผงจ่ายไฟฟ้าสำหรับที่อยู่อาศัย" เป็นแผงไฟฟ้าสำเร็จรูปนิยมใช้ในบ้านและหรือสำนักงานขนาดเล็กที่ใช้ไฟฟ้าระบบ 1 เฟส 220 โวลท์ มีลักษณะดังรูป Consumer Unit ตู้คอนซูมเมอร์ยูนิต ประกอบด้วยเมนเบรคเกอร์ (2 ขั้ว) และเบรคเกอร์ย่อย (1 ขั้ว) ที่เสียบต่ออยู่กับ bus bar มีขั้วต่อสายนิวทรอล และขั้วต่อสายกราวด์ ที่นิยมใช้ทั่วไปมีจำนวนวงจรย่อยตั้งแต่ 4-16 วงจรย่อย รูปด้านบนแสดงรายละเอียดภายในของ consumer unit ตู้คอนซูมเมอร์ยูนิต • หมายเลข1 = เมนเบรคเกอร์ 2 ขั้ว ให้เลือกขนาดตามมิเตอร์ของการไฟฟ้า (สูงสุดไม่เกิน 100 A) • หมายเลข2 = bus bar สำหรับวงจรขนาด 100 A • หมายเลข3 = Neutral Lug (N) • หมายเลข4 = Ground bar (G) • หมายเลข5 = miniature CB. แบบ 1 ขั้ว สำหรับวงจรย่อย • หมายเลข6 = Earth leakage miniature CB. แบบ 1 ขั้ว (เป็นเบรคเกอร์ชนิดกันไฟดูด อาจใช้หรือไม่ก็ได้) การเลือก consumer unit ตู้คอนซูมเมอร์ยูนิต มาใช้งานให้พิจารณาจากจำนวนวงจรย่อยที่ต้องการและควรเผื่อไว้ 1-2 วงจรสำหรับโหลดในอนาคต การซื้อ consumer จะได้รับเพียงตัว consumer และเมนเบรคเกอร

จัดไฟในบ้านให้ถูกหลัก..ฮวงจุ้ย

 เพื่อนๆ หลายคนมองข้ามเรื่องการวางระบบไฟฟ้าภายในบ้าน และไม่ค่อยใส่ใจสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะยกให้เป็นหน้าที่ของช่างไฟ แต่ในทาง ฮวงจุ้ย เรื่องของไฟฟ้านั้นก็เป็นเรื่องที่สำคัญค่อนข้างมากเช่นเดียวกับการจัดฮวงจุ้ยในรูปแบบอื่นๆ เพราะ “แสงสว่าง” บ่งบอกถึงพลังชีวิต เป็นพลังหยางที่เคลื่อนไหว และนำโชคลาภมาสู่บ้าน การจัดระบบไฟฟ้าจึงควรควรเลือกตำแหน่งของ หลอดไฟ ให้ดี วันนี้จึงนำข้อมูลฮวงจุ้ยเรื่องการจัดวาง หลอดไฟ ในบ้าน มาฝากเพื่อนๆ กันค่ะ 1. ไฟหน้าประตูรั้ว ไฟหน้าประตูรั้ว : ควรมีหลอดไฟ 2 ดวงวางด้านข้างประตู เปิดทิ้งไว้ในเวลากลางคืนเพื่อดึงโชคลาภเข้าสู่บ้าน เหตุผลที่ต้องติดไฟ 2 ดวง ก็เพื่อให้เกิดความสมดุลนั่นเอง นอกจากนี้กรณีที่บริเวณตรงข้ามกับบ้านเป็นบ้านร้าง หรือที่รกร้าง ไฟหน้าบ้านจะช่วยแก้ไขเรื่องพลังหยินพิฆาตได้อย่างดีอีกด้วย 2. ไฟในห้องนอน ไฟในห้องนอน : ไม่ควรใช้ไฟประเภทหลอดเปลือยมองเห็นหลอดไฟ ควรจะเป็นไฟติดโคมที่กรองแสง หรือทำเพดานหลุมเพื่อซ่อนไฟเอาไว้ และห้ามวางตำแหน่งของดวงไฟตรงกับเตียงนอน เพราะแสงจะสว่างจนเกินไปทำให้รบกวนการนอน 3. ไฟห้องน้ำ ไฟห้องน้ำ : ควรใช้ไฟที่สว่าง เพราะห้องน